*Social Network ถ้าพูดถึงคำนี้ในปัจจุบัน น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักคำนี้ เพราะ Social Network นั้นพวกเราทุกคนสามารถเข้าถึงได้กันหมด ไม่ว่าจะใครก็ตาม ซึ่งSocial Networkเข้ามามีบทบาทและอิทธิพลอย่างรวดเร็ว กับบุคคล และสังคมในปัจจุบันอย่างมาก ซึ่งวันนี้เรามาพูดถึงเกี่ยวกับ Social Network ว่ามีผลต่อตัวเราและสังคมอย่างไรบ้าง ซึ่งก่อนอื่นจะพาทุกคนมารู้กับ Social Network ก่อนว่ามันคืออะไรและแบ่งได้เป็นอะไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ
>Social Network คืออะไร
โซเชียลเน็ตเวิร์ค หรือ Social Network คือเครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือการที่ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตคนหนึ่ง เชื่อมโยงกับเพื่อนอีกนับสิบ รวมไปถึงเพื่อนของเพื่อนอีกนับร้อย ผ่านผู้ให้บริการด้านโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) บนอินเตอร์เน็ต เช่น Facebook, Blogger, Twitter หรือ Tagged เป็นต้น (บางเว็บไซต์ที่กล่าวถึงในตัวอย่าง ปัจจุบันนี้ได้เสื่อมความนิยมแล้ว)
Social Network มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
การจัดประเภทของโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) นั้นสามารถแยกได้ตามรูปแบบ และวัตถุประสงค์ในการใช้งาน
>Social Network ตามรูปแบบ แบ่งได้เป็น
1. Blog หรือ บล็อก คือเว็บไซต์รูปแบบหนึ่ง มาจากคำว่า Weblog (Website + Log) ซึ่งคำว่า Log ในที่นี้หมายถึง “ปูม” ดังนั้น Blog จึงมีลักษณะเป็นเว็บไซต์ที่จัดเก็บข้อมูลด้วยวิธีเดียวกับปูม มีการเรียงลำดับตามวันที่บันทึก ข้อมูลใหม่ที่ Post จะอยู่บนสุด ส่วนข้อมูลเก่าจะอยู่ล่างสุด โดยบล็อกสมัยนี้ไม่ได้อยู่ลำพังเดี่ยวๆ แต่มีลักษณะเป็น Community ที่รวบรวม Blog หลายๆ Blog เข้าไว้ด้วยกัน สามารถเชื่อมโยงผู้เขียน (Blogger) ได้เป็นสังคมขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันก็เชื่อมโยงผู้อ่านไว้กับผู้เขียนได้ โดยสามารถคอมเม้นต์บทความ ติดตาม หรือกดโหวตได้ เช่น Blogger เป็นต้น
2. ไมโครบล็อก (Microblog) เป็นเว็บไซต์ขนาดเล็ก ใช้สำหรับส่งข้อความสั้นๆ ไม่กี่ประโยค เพื่อบอกถึงสถานการณ์ และความเป็นไป ไมโครบล็อกที่มีผู้นิยมใช้บริการ เช่น Twitter
3. โซเชียลเน็ตเวิร์คเว็บไซต์ (Social Network Website) คือเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสังคมออนไลน์โดยเฉพาะ เช่น Facebook, Linkedin, Myspace, Hi5 เป็นต้น เว็บพวกนี้มีจุดเด่นที่การแชร์คอนเท้นต์ ทั้งข้อความ รูปภาพ และวีดีโอ บางเว็บรวมไปถึงบทความ เพลง และลิ้งค์ นอกจากนั้นยังมีฟังก์ชั่นในการแสดงความรู้สึก หรือมีส่วนร่วม เช่น การกดไลค์ (Like) การโหวต การอภิปราย (Discuss) และการแสดงความคิดเห็น เป็นต้น
4. เว็บโซเชียลบุ๊คมาร์ค (Bookmark Social Site) เป็นเว็บที่ให้เราเก็บหน้าเว็บ หรือเว็บไซต์ที่เราชื่นชอบ เพื่อเอาไว้เข้าชมทีหลัง แต่พอมาเป็นโซเชียลไซต์ เราจะสามารถแชร์ URL ของหน้าเว็บเหล่านั้น รวมถึงดูว่าคนอื่นเก็บหน้าเว็บอะไรไว้บ้าง เข้าชม และแสดงความคิดเห็นต่อหน้าเว็บต่างๆ ได้
>Social Network ตามวัตถุประสงค์ในการใช้งาน แบ่งได้เป็น
1. เผยแพร่ตัวตน (Identity Network) เป็นเว็บไซต์โซเชียลที่มุ่งเน้นการนำเสนอตัวตนของผู้ใช้งาน เว็บที่มีลักษณะดังกล่าว ได้แก่ Facebook, Myspace เป็นต้น
2. เผยแพร่ผลงาน (Creative Network) เป็นเว็บไซต์ที่เน้นไปที่ผลงานของเจ้าของเว็บ มากกว่าตัวตนของเจ้าของผลงาน ส่วนมากเว็บโซเชียลเน็ตเวิร์คประเภทนี้ มักรวมผู้ที่ทำงานประเภทเดียวกันไว้ด้วยกัน เช่น เว็บรวมนักเขียนนิยาย เว็บรวมคนรักการถ่ายภาพ เว็บรวมนักออกแบบกราฟิก ฯลฯ ซึ่งการสร้างเครือข่ายลักษณะนี้มักใช้ในการหาลูกค้า หรือเพื่อนร่วมอาชีพเป็นสำคัญ เช่น Coroflot, flickr, Multiply, DevianART เป็นต้น
3. ความสนใจตรงกัน (Interested Network) เว็บไซต์ประเภทนี้คล้ายๆ กับเว็บเผยแพร่ผลงาน คือ รวบรวมผู้ที่สนใจในเรื่องเดียวกันมาไว้ด้วยกัน แต่ต่างกันที่ Interested Network เจ้าของเว็บไม่ต้องเป็นเจ้าของผลงาน แค่แชร์ลิ้งค์ หรือเว็บที่ตัวเองสนใจ เช่น Pinterest, del.licio.us, Digg, Zickr เป็นต้น
4. โลกเสมือน (Virtual life / Game online) เป็นลักษณะการจำลองตัวของผู้ใช้งานเป็นตัวละครตัวหนึ่งในเกม หรือสถานการณ์สมมุติ โดยมีเรื่องราว หรือภาระกิจให้ปฏิบัติ โดยอาจจะปฏิบัติโดยลำพังแข่งกับผู้เล่นคนอื่น หรือร่วมกันเป็นทีมก็ได้ โดยในระหว่างเล่นสามารถพูดคุย หรือสื่อสารกับผู้เล่นอื่นๆ ได้ ทำให้มีลักษณะเป็น Social Network แบบหนึ่ง เช่น Second Life, The SIM เป็นต้น
**เมื่อรู้จัก Social Network กันไปแล้วนะคะว่าคืออะไรบ้างประเภทต่างๆของมัน ทีน้ีเราก็จะมาพูดถึงปัญหาและความเกี่ยวข้องต่างๆของ Social Networkกับบุคคลในสังคมและสังคมกันค่ะ
**Social Network ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ทำให้เรามีสังคมที่กว้างมาขึ้นรับรู้ข่าวสารได้เร็วมากขึ้น สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆผ่านการตั้งโหวต ตั้งกระทู้ผ่านทาง Social Network เช่น Facebook Twitter และสามารถเป็นคลังข้อมูลที่ดีทีเดียวสำหรับการศึกษาค้นคว้าของนักเรียน นักศึกษาโดยใช้ Google Wikipedia Blog ต่างๆ นอกจากนั้นยังสามารถนำพื้นที่บน Social Network มาหารายได้เสริม เช่น การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ขายสินค้าต่างๆ โดยที่สามรถลงภาพสินค้าเหล่านี้ให้คนอื่นๆเห็นได้ง่ายดายโดยไม่เสียค่าจ่าย และไม่ต้องลงทุนมากแต่ทำให้คนเห็นเยอะ แต่บางทีการที่เราได้รับรู้ข่าวสารมากเกินไปก็อาจจะไม่เป็นผลดี เพราะการที่เรารู้เรื่องบางเรื่องมากเกินไป หรือรู้จากหลายแหล่งที่มาแต่เนื้อหาที่ได้อาจจะไม่ตรงกันจึงทำให้เกิดความสับสนและเกิดความเครียดได้ ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นผู้ที่นำมาเผยแพร่ควรที่จะกลั่นกรองข้อมูลให้ดีก่อนจะนำมาเผยแพร่
แต่การใช้ Social Networkเหล่านี้เป็นพื้นที่เปิดกว้างใครๆก็สามารถเล่นได้และบางคนมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป ถ้าหากผู้ใช้ไม่ระมัดระวังก็อาจจะทำให้เกิดการก่ออาชญากรรมต่างๆได้ เช่นตามที่ไดเห็นในข่าวว่ามีการแฮกข้อมูลส่วนตัวแล้วนำข้อมูลนั้นไปทำสิ่งที่ผิดกฏหมาย ซึ่งก็ให้เกิดความเดือดร้อนต่อเจ้าของข้อมูลและสร้างความวุ่นวายกับสังคมเป็นอย่างมาก อย่างที่บอกไปแล้วว่าสังคมออนไลน์เป็นสังคมที่กว้างมาก ทำให้เราไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าบุคคลที่อยู่ในสังคมออนไลน์เดียวกับเรานี้จะเป็นพลเมืองดีหรือไม่ถ้าหากเราไม่ตรวจสอบ หรือหลงเชื่อคนเหล่านี้แล้วมีนัดพบเจอกัน ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์ทีไม่คาดคิดขึ้น เช่นอาจจะโดนหลอกเอาเงิน หรือโดนลักพาตัวก็เป็นได้ ซึ่งบุคคลในสังคมสมัยนี้ล้วนมีแต่คนที่ชอบหลอกลวงกันทั้งนั้น
นี่เป็นตัวอย่างว่าSocial Network มีผลกระทบต่อคนในสังคมและสังคมอย่างไร
พ่อแจ้งความ ลูกสาววัย 17 ถูกหนุ่มในเน็ตล่อลวง อ้างเอาตุ๊กตามาให้ (คลิกเพื่อดูบทความ)
เมื่อทุกๆคนได้เห็นตัวอย่างแบบนี้แล้วก็ควรใช้ Social Network ด้วยความระมัดระวังกันนคะ แลผู้ปกครองที่มีบุตรหลานก็ควรให้ความใส่ใจกับวัยรุ่นสมัยนี้ด้วยนะคะ ^__^
อ้างอิงเนื้อหาจาก
https://www.youtube.com/watch?v=GHhTdLY4V-Uhttp://hilight.kapook.com/view/91794
อ้างอิงรูปภาพจาก
http://thesocialmediamonthly.com/making-social-media-secure/
http://www.108kaset.com/index.php/topic,377-โซเชียลเน็ตเวิร์ค(Social-Network)-คืออะไร.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น